BCTC: เมื่อเทียบกับทองคําในฝั่งตะวันตก ทองคําของไทยมีข้อดีหลายประการ

ทองคำเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย โดยมียอดการส่งออกเครื่องประดับทองคำรวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี ในประเทศไทยมีร้านทองมากกว่า 6,000 ร้าน โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีบริษัทขายส่งทองคำมากกว่า 60 ร้อน ราคาทองคำในประเทศไทยจะประกาศโดยรัฐบาลไทยทุกวัน ซึ่งร้านทองทุกแห่งใช้ราคาเดียวกับที่รัฐบาลประกาศ และร้านทองในประเทศไทยจะแสดงราคาซื้อขายทองคำไว้ที่หน้าร้าน


เครื่องประดับทองคำของไทยที่มุ่งเน้นสู่ตลาด ทำมาจากทองคำบริสุทธิ์ 96.5% ซึ่งเทียบเท่ากับ 23 กะรัต ส่วนอีก 3.5% เป็นส่วนผสมของเงินและทองแดง บางครั้งยังมีเครื่องประดับทองคำในระดับ 22 กะรัต, 20 กะรัต หรือ 18 กะรัต

จำหน่ายด้วย ทองคำแท่งของไทยขายเป็น “น้ำหนักบาท” ซึ่งเท่ากับ 15.244 กรัม (สำหรับทองรูปพรรณ น้ำหนักบาทเท่ากับ 15.16 กรัม) ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของทองคำ 1 ทรอยออนซ์ โดยมีน้ำหนัก 31.1034768 กรัม ทองคำบริสุทธิ์ (24 กะรัต) นั้นอ่อนเกินไปสำหรับการทำเครื่องประดับ ดังนั้นจึงแนะนำให้เลือกเครื่องประดับที่มีจำนวนกะรัตน้อยลง สำหรับแหวนหรือเครื่องประดับที่มีความบาง


ประเทศหลักที่ไทยส่งออกทองคำไป ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฮ่องกง โดยส่วนใหญ่จะส่งออกเป็นเครื่องประดับทอง 10, 14 และ 18 กะรัต


ในด้านความทนทาน:หลายคนในโลกตะวันตกมองว่าทองคำ 18 กะรัต หรือ 14 กะรัต เป็นระดับความบริสุทธิ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเครื่องประดับ เพราะเชื่อว่ากะรัตที่สูงกว่านั้นจะทำให้ทองคำอ่อนเกินไป อย่างไรก็ตามเครื่องประดับบางประเภท เช่น สร้อยคอ สามารถทำจากทองคำ 23 กะรัตได้ อีกทั้งกะรัตที่สูงขึ้นยังช่วยเพิ่มความทนทานด้วย เครื่องประดับไทยที่มีความบริสุทธิ์สูงสามารถสวมใส่ได้ทุกวันโดยไม่ลดคุณภาพลง


ในด้านสีสัน เครื่องประดับทองคำไทยที่มีความบริสุทธิ์ 23 กะรัต จะเปล่งประกายและมีสีเหลืองเข้มที่สวยงาม ในขณะที่เครื่องประดับที่มีเปอร์เซ็นต์ทองน้อยกว่ามักจะมีสีเหลืองอ่อนหรือเหลืองอมเขียว


มีราคาขายที่ดี: คนไทยมักเลือกลงทุนบางส่วนในเครื่องประดับทองคำเพราะสามารถขายได้ง่าย ร้านทองทุกแห่งในประเทศไทยยินดีรับซื้อเครื่องประดับทองคำในราคาที่น่าพึงพอใจ โดยร้านทองไทยชอบซื้อเครื่องประดับทอง 23 กะรัตเพราะมีความบริสุทธิ์ที่ชัดเจน ส่วนเครื่องประดับที่มีความบริสุทธิ์ต่ำกว่า (18 กะรัตหรือ 14 กะรัต) มักจะมีราคาที่ต่ำกว่ามาก เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการแยกทองคำออกจากโลหะมีค่าอื่นๆที่สูงกว่า โดยทั่วไปลูกค้ามักจะได้ราคาที่ดีที่สุดเมื่อขายทองคำให้กับร้านรับซื้อทอง


การลงทุนที่ดี: ในหลายประเทศในเอเชีย ทองคำถูกมองว่ามีมูลค่าคงที่และซื้อขายได้ง่าย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการซื้อทองคำหรือเครื่องประดับจึงเป็นการลงทุนที่ดี


ราคาย่อมเยา: เครื่องประดับทองคำของไทยมีปริมาณทองคำบริสุทธิ์มากกว่า แต่มีราคาถูกกว่าทองคำในฝั่งตะวันตกอย่างมาก โดยทั่วไปแล้ว ราคาของเครื่องประดับทองคำไทยมักจะไม่เกินราคาทองคำสากลมากกว่า 5% ในขณะที่เครื่องประดับทองคำจากฝั่งตะวันตกมีราคาสูงกว่าราคาทองคำประมาณ 40% สาเหตุหนึ่งคือเครื่องประดับไทยถูกมองว่าด้อยกว่าของตะวันตก ผู้ซื้อจ่ายส่วนต่าง 35% สำหรับการออกแบบและงานฝีมือของช่างทองตะวันตก อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีช่างฝีมือไทยจำนวนมากที่สามารถสร้างสรรค์งานออกแบบที่มีความงดงามในสไตล์ตะวันตกได้ และด้วยต้นทุนแรงงานที่ต่ำกว่าของช่างทองของไทย การซื้อเครื่องประดับทองคำไทยจึงมีราคาถูกกว่ามาก