[China News Service] ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกรายงานวันที่ 5 ว่าทั้งปริมาณการส่งออกทองคำของไทยและราคาส่งออกเพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกรวมของไทยเพิ่มขึ้น 15.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ตามรายงาน มูลค่าการส่งออกทองคำของไทยเพิ่มขึ้น 434.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องในตะวันออกกลางและแนวโน้มของธนาคารกลางรายใหญ่ทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในระยะสั้น ทองคำได้รับการตอบรับจากตลาดในด้านการป้องกันความเสี่ยงและการรักษามูลค่า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม การส่งออกทองคำของไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
รายงานจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2567 มีมูลค่ารวม 25.72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 28 เดือน ท่ามกลางความต้องการของตลาดโลกสำหรับสินค้าไทยที่ฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกทองคำและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตอย่างมาก การส่งออกโดยรวมก็ขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่ารายงานจะไม่ได้กล่าวถึงมูลค่าการส่งออกทองคำโดยตรง แต่ก็สามารถอนุมานได้ว่าเนื่องจากการส่งออกทองคำมี "การเติบโตอย่างมาก" ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของการส่งออกโดยรวมจึงมีนัยสำคัญ
แม้ว่ามูลค่าการส่งออกรวมของไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกรกฎาคม แต่การส่งออกของไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยกดดันที่เกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อที่อ่อนแอของผู้บริโภคในประเทศคู่ค้า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (PMI) ของคู่ค้าหลักๆ เกือบทั้งหมดในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมต่ำกว่า 50 ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อการส่งออกของไทยในระยะต่อไป
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเชื่อว่าในระยะต่อไป การส่งออกของไทยยังต้องเผชิญกับปัจจัยกดดันที่เกิดจากความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ที่ลดลง รวมถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจก่อให้เกิดความสูญเสียต่อผลผลิตทางการเกษตร ดังนั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงยังคงคาดการณ์มูลค่าการส่งออกรวมของไทยจะเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 2567 อย่างไรก็ตาม หากมูลค่าการส่งออกทองคำยังคงเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ การเติบโตของมูลค่าการส่งออกโดยรวมตลอดทั้งปีคาดว่าจะเกินความคาดหมายข้างต้น
